ขั้วต่อไฟฟ้าในยานพาหนะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างการเชื่อมต่อทางไฟฟ้าที่เชื่อถือได้และปลอดภัย ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการประสานกันอย่างเหมาะสม ระหว่างส่วนประกอบต่างๆ ของยานพาหนะ การเชื่อมที่ดีจะช่วยยกระดับความปลอดภัย สมรรถนะ และประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม ขั้วต่อที่แข็งแรงทนทานมีความสำคัญในแง่ของการทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงของยานยนต์ โดยจะป้องกันไฟฟ้าขัดข้อง และรับประกันความสมบูรณ์ของระบบไฟฟ้าในยานพาหนะ เนื่องจากยานพาหนะรุ่นใหม่ๆ ต้องพึ่งพาระบบอิเล็กทรอนิกส์ เซ็นเซอร์ และส่วนประกอบที่เป็นไฟฟ้ามากขึ้นเพื่อปรับปรุงสมรรถนะ ความปลอดภัย และการเชื่อมต่อ จึงคาดการณ์ว่าความต้องการขั้วต่อไฟฟ้าเพื่อเชื่อมต่อระหว่างส่วนประกอบต่างๆ เหล่านี้จะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น กรรมวิธีการผลิตขั้วต่อไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นจึงจำเป็นและมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

ทองแดงเบริลเลียม (Beryllium Copper หรือ Be-Cu) ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการนำความร้อนสูง นับเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตขั้วต่อไฟฟ้า อีกทั้งยังสามารถการกระจายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในระหว่างการผลิตยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องมือผลิตผ่านการลดความเค้นจากความร้อนได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ระบบหล่อเย็น (Conformal cooling channels) ได้กลายเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อเนื่องจากมีค่าการนำความร้อนที่เท่ากัน ซึ่งตรงกับสมรรถนะของทองแดงเบริลเลียมในการช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องมือผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อรวมระบบหล่อเย็นเข้ากับการออกแบบแม่พิมพ์ จะสามารถกระจายความเย็นได้สม่ำเสมอมากขึ้นและช่วยลดความแตกต่างของอุณหภูมิภายใน Cavity แม่พิมพ์ การระบายความร้อนที่สม่ำเสมอนี้ช่วยลดการขยายตัวและการหดตัวจากความร้อน ซึ่งเป็นผลให้เครื่องมือมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น เช่นเดียวกับทองแดงเบริลเลียม ข้อดีของระบบหล่อเย็น (Conformal cooling channels) คือสามารถปรับให้เข้ากับรูปทรงแบบแม่พิมพ์ขึ้นรูปที่มีความซับซ้อนได้ ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับวัสดุแบบเดิมอย่างทองแดงเบริลเลียม

การเปลี่ยนไปใช้เทคนิคการผลิตแบบเพิ่มเนื้อวัสดุ (Additive manufacturing) ได้เปิดโอกาสใหม่ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบ เมื่อเทียบกับทองแดงเบริลเลียมแล้ว ระบบหล่อเย็น (Conformal cooling channels) แสดงข้อได้เปรียบอย่างชัดเจนในประเด็นที่เฉพาะเจาะจง :

1. ความทนทานต่อการสึกหรอ:ระบบหล่อเย็น (Conformal cooling channels) มักจะประกอบด้วยวัสดุขั้นสูง เช่น เครื่องมือที่ทำจากเหล็กกล้าหรือโลหะผสมประสิทธิภาพสูง ซึ่งมีความทนทานต่อการสึกหรอที่เหนือกว่า คุณลักษณะนี้ทำให้ระบบหล่อเย็นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการผลิตที่ท้าทาย เช่น สภาพที่เกี่ยวข้องกับวัสดุที่มีส่วนผสมของ glass fibre ความทนทานต่อสึกหรอแบบขีดข่วนและการสึกหรอทำให้แบบขึ้นรูปมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ซึ่งช่วยลดเวลาในการหยุดการผลิตชั่วคราวเพื่อเปลี่ยนเครื่องมือ

2. Glass Fibre: ขั้วต่อไฟฟ้ามักเกี่ยวข้องกับการใช้วัสดุ glass fibre เพื่อเพิ่มคุณสมบัติเชิงกล ระบบหล่อเย็น (Conformal cooling channels) ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถนำมาใช้ให้เข้ากับสภาพเหล่านี้ได้มากกว่า เนื่องจากสามารถคงความทนทานต่อการสึกหรอและรักษาความสมบูรณ์ของรูปทรงไว้ได้อย่างดี แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการสึกหรอแบบขีดข่วน (abrasive) จาก Glass Fibre ก็ตาม ในทางตรงกันข้าม ทองแดงเบริลเลียมจะเกิดการสึกหรอและการเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าเมื่อใช้ทำงานภายใต้สภาพดังกล่าว

3.ประสิทธิภาพการทำความร้อน/การหล่อเย็น: ความยืดหยุ่นในการออกแบบของระบบหล่อเย็นช่วยให้สามารถควบคุมกระบวนการทำความร้อนและการหล่อเย็นได้อย่างแม่นยำ เมื่อวางตำแหน่งช่องเหล่านี้อย่างมีกลยุทธ์ ผู้ผลิตจะสามารถควบคุมอุณหภูมิภายในแม่พิมพ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขีดความสามารถนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเร่งวงจรการผลิต แต่ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ผ่านการลดความเค้นจากความร้อนและลดการบิดงอให้เหลือน้อยที่สุด

ติดต่อเราเพื่อรับโซลูชันการผลิตแบบเพิ่มเนื้อวัสดุ (Additive Manufacturing)